C.P. LAND Public Company Limited

First-time Buyer รู้ทันข้อสัญญาก่อนซื้อบ้านหลังแรก

การซื้อบ้านหลังแรกถือเป็นการตัดสินใจครั้งสำคัญในชีวิต ซึ่งต้องมีการเตรียมตัวอย่างรอบคอบ โดยเฉพาะในเรื่องของ “สัญญาจะซื้อจะขาย” ซึ่งเป็นเอกสารสำคัญที่ช่วยปกป้องสิทธิของทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย ครั้งนี้ CP LAND จะมาอธิบายเกี่ยวกับรายละเอียดของสัญญานี้ พร้อมข้อมูลที่ควรทราบเพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

สัญญาจะซื้อจะขายคืออะไร?
สัญญาจะซื้อจะขาย คือเอกสารที่จัดทำขึ้นระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย เพื่อแสดงถึงเจตนารมณ์ที่ผู้ซื้อมีความประสงค์จะซื้ออสังหาริมทรัพย์ในอนาคต โดยในระหว่างนี้ยังไม่มีการโอนกรรมสิทธิ์ สัญญาฉบับนี้ช่วยให้ผู้ขายไม่สามารถขายอสังหาริมทรัพย์ดังกล่าวให้กับบุคคลอื่นได้ในขณะที่สัญญามีผลบังคับใช้

ประเภทของสัญญาจะซื้อจะขาย
ประเภทของสัญญาจะซื้อจะขายแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก โดยขึ้นอยู่กับประเภทของอสังหาริมทรัพย์ที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ บ้านและที่ดิน หรือคอนโดมิเนียม ซึ่งรายละเอียดของสัญญาแต่ละประเภทมีดังนี้

  1. สัญญาจะซื้อจะขายบ้านและที่ดิน

ใช้ในกรณีที่มีการซื้อขายบ้านพร้อมที่ดินหรือที่ดินเปล่า โดยในสัญญาจะต้องระบุข้อมูลสำคัญ เช่น หมายเลขโฉนดที่ดิน (น.ส. 4 จ) และรายละเอียดสิ่งปลูกสร้าง (ถ้ามี) ระยะเวลาในการโอนกรรมสิทธิ์มักอยู่ที่ประมาณ 1-2 เดือน เพื่อให้ผู้ซื้อมีเวลาเตรียมเอกสารและดำเนินการกู้สินเชื่อให้เสร็จสิ้น

  1. สัญญาจะซื้อจะขายคอนโดมิเนียม

เหมาะสำหรับกรณีซื้อขายคอนโด โดยสัญญาจะต้องระบุหมายเลขหนังสือกรรมสิทธิ์ห้องชุด (อ.ช. 2) รายละเอียดของโครงการ และข้อมูลห้องชุดที่ซื้อขาย สำหรับคอนโดที่ยังไม่ก่อสร้างหรือเปิดขายล่วงหน้า ระยะเวลาโอนกรรมสิทธิ์มักอยู่ที่ 1-2 ปี แต่สำหรับคอนโดที่สร้างเสร็จแล้วหรือคอนโดมือสอง ระยะเวลาโอนกรรมสิทธิ์จะอยู่ที่ประมาณ 1-2 เดือนเช่นกัน

 

การจัดทำสัญญาที่ถูกต้องและครบถ้วนจะช่วยป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในกระบวนการซื้อขายและโอนกรรมสิทธิ์

ความสำคัญของสัญญาจะซื้อจะขาย
การจัดทำสัญญาจะซื้อจะขายมีความสำคัญในหลายแง่มุม ได้แก่

  1. การรับประกันสิทธิ สัญญานี้ช่วยให้มั่นใจว่าผู้ซื้อจะได้รับกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์เมื่อถึงวันโอน

การระบุเงื่อนไข สัญญาจะช่วยกำหนดเงื่อนไขต่าง ๆ อย่างชัดเจน เช่น ราคา วิธีการชำระเงิน และวันที่โอนกรรมสิทธิ์ เพื่อลดความเสี่ยงของข้อพิพาทในอนาคต

รายละเอียดที่ควรมีในสัญญาจะซื้อจะขาย
สัญญาจะซื้อจะขายควรประกอบด้วยข้อมูลที่สำคัญดังนี้

  1. หัวสัญญา และข้อมูลคู่สัญญา
    ระบุสถานที่และวันเดือนปีที่ทำสัญญา
    ระบุชื่อ-นามสกุล อายุ และที่อยู่ของผู้ซื้อและผู้ขาย พร้อมแนบสำเนาบัตรประชาชนของทั้งสองฝ่าย
  2. รายละเอียดอสังหาริมทรัพย์
    ระบุข้อมูลเกี่ยวกับเลขโฉนดที่ดิน ขนาดพื้นที่ และรายละเอียดอื่น ๆ ของทรัพย์สินที่ชัดเจน
  3. ราคา และวิธีการชำระเงิน
    ระบุราคาขายอย่างชัดเจน รวมถึงรายละเอียดการชำระเงิน เช่น เงินดาวน์ ยอดเงินที่เหลือ หรือรายละเอียดเกี่ยวกับเช็ค
  4. เงื่อนไขการโอนกรรมสิทธิ์
    กำหนดวันที่แน่นอนหรือเงื่อนไขต่าง ๆ ในการโอนกรรมสิทธิ์ เช่น เมื่อธนาคารอนุมัติสินเชื่อ
  5. ความรับผิดชอบทางกฎหมาย
    ระบุความรับผิดชอบในกรณีที่เกิดการผิดสัญญา เช่น การคืนเงินมัดจำ

สิ่งที่ควรตรวจสอบก่อนเซ็นสัญญา
เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้น ผู้ซื้อควรตรวจสอบรายละเอียดดังต่อไปนี้

  1. ตรวจสอบข้อมูล
    ตรวจสอบให้แน่ใจว่าข้อมูลในสัญญาถูกต้องตามข้อเท็จจริง
  2. เงื่อนไขพิเศษ
    หากมีเงื่อนไขพิเศษ ควรระบุไว้ในสัญญาอย่างชัดเจน
  3. ลายเซ็นของคู่สัญญา และพยาน
    สัญญาจะสมบูรณ์ และมีผลบังคับใช้ก็ต่อเมื่อมีลายเซ็นของทั้งสองฝ่าย รวมถึงพยาน

ข้อควรระวัง

  • อ่าน และทำความเข้าใจเงื่อนไขทั้งหมดในสัญญาก่อนลงนาม
  • หากมีข้อสงสัย ควรปรึกษาทนายความหรือผู้เชี่ยวชาญด้านอสังหาริมทรัพย์เพื่อให้มั่นใจว่าสิทธิของตนได้รับการปกป้อง

การทำความเข้าใจเกี่ยวกับสัญญาจะซื้อจะขายก่อนที่จะซื้อบ้านหลังแรก ถือเป็นขั้นตอนสำคัญที่ช่วยให้กระบวนการซื้อขายดำเนินไปอย่างราบรื่น และลดความเสี่ยงจากข้อผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

CP LAND พร้อมให้คำปรึกษาสำหรับ First-Time Buyer และทุกคนที่อยากมีบ้านเป็นของตัวเอง
ด้วยทีมงานมืออาชีพที่เข้าใจในทุกกระบวนการและพร้อมดูแลคุณในทุกขั้นตอน เพื่อให้การซื้อบ้านในฝันของคุณเป็นไปได้อย่างราบรื่นที่สุด

 

แหล่งข้อมูล : 

https://nayoo.co/khonkaen/blogs

https://www.kasikornbank.com/th/propertyforsale/

https://www.scb.co.th/th/personal-banking/stories/home-car   

 

#CPLAND #AccessibleCommunitiesForLife #ซีพีแลนด์ #คุณภาพเพื่อชีวิต #สัญญาซื้อบ้าน #บ้านหลังแรก #FirstTimeBuyer

แชร์บทความนี้

Add Your Heading Text Here